วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

แก้วเจ้าจอม เสน่ห์แบบไทยๆ

 



 
ที่มาของแก้วเจ้าจอมมาจาก หมู่เกาะอินดีสตะวันออก เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดดอกแก้วเจ้าจอมมาก จึงนำมาจากประเทศชวา (อินโดนีเซีย) ครั้งเสด็จประพาส แล้วทรงนำมาปลูกใน เขตพระราชอุทยานวังสวนสุนันทา ปัจจุบันมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นดั้งเดิม บริเวณด้านหลังเนินพระนาง หรือ พระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี และภายหลังได้กลายมาเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และพระราชทานนามว่า “ต้นแก้วเจ้าจอม”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
แม้แก้วเจ้าจอมจะเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศเอเชียอาคเนย์ ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้แก้วเจ้าจอมสามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย แต่แก้วเจ้าจอม ก็มีคุณลักษณะเฉพาะ นั่นคือ โตช้า แต่ก็เป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามโดยธรรมชาติ ไม่มีความจำเป็นในเรื่องการตัดแต่งทรงพุ่ม เรียกว่าเป็นเป็นพันธุ์ไม้ประดับที่มีมนต์เสน่ห์ที่ทรงพุ่มสวยงามตลอดปีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพุ่มจะกลมอยู่เสมอ โดยไม่ต้องตัดแต่งแต่อย่างใด
 
 
เหตุที่ตำแหน่งในการปลูกต้นแก้วเจ้าจอมอยู่ในบริเวณนั้นเนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มกลม การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า และต้องการแสงแดดเต็มวัน จึงไม่ควรปลูกใกล้กับพันธุ์ไม้ชนิดอื่น เพราะจะทำให้ต้นสูงชะลูดไม่ได้รูปทรง ความหนาแน่นของใบจะลดลงมาก แก้วเจ้าจอมมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางเท่านั้น การรดน้ำมากหรือน้อยเกินไปจะไม่มีผลดีกับแก้วเจ้าจอม พาลใบจะร่วงเอาถ้าหากดูแลมากหรือน้อยเกินไป
 
 
4 ใบ
 
 
 
 6 ใบ
8 ใบ
 
                ส่วนดอกนั้น จะออกเป็นช่วงๆตลอดปี แต่ช่วงฤดุหนาว ตั้งแต่ พฤศจิกายน –กุมภาพันธ์ จะออกดอกมากกว่าปกติ ดอกจะ เป็นช่อดอก กลีบดอกสีม่วง -คราม จำนวน 5-6 กลีบ เกสรสีเหลือง ดอกเท่าขนาดมะลิลา หรือเล็กกว่า ส่วนช่อนั้นจะใหญ่ตามระดับความเจริญงอกงามของลำต้น ต้นที่งามดี อาจจะช่อละประมาณ 30-50 ดอก เวลาบาน จะค่อยๆบาน และบานยาวนานจนกว่าจะบานครบทั้งดอก จึงทำให้มองเห็นว่ากลีบดอกของต้นแก้วเจ้าจอมนั้นมีหลายสี เช่น สีม่วง สีคราม สีฟ้า เป็นเพราะระยะเวลาในการบานไม่เท่ากัน ทำให้ดอกที่บานมาก่อน บานมานานกว่า เริ่มที่จะมีสีที่ซีดจาง แต่ก็ดีดูกลมกลืนไปอีกแบบ ถือว่าตรงนี้กลายเป็นเสน่ห์ของต้นแก้วเจ้าจอมก็ว่าได้
 


 
                นอกจากลักษณะของดอกที่มีเอกลักษณ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่เด่นชัดของต้นแก้วเจ้าจอม คือ มีอีกหลายสายพันธุ์นั่นคือ พันธุ์ 4 ใบ 6 ใบ และ 8ใบ  แต่ที่นิยมปลูกกันมากคงเป็น 4 และ 6 ใบมากกว่า เนื่องจาก 8 ใบนั้นเจริญเติบโตช้ากว่ามาก ส่วนดอกนั้นก็เช่นกัน เมื่อครบเวลา 5 ปี ต้นแก้วเจ้าจอม 4 ใบ และ 6 ใบ ก็จะออกดอก แต่ 8 ใบ อาจจะใช้เวลามากกว่านั้น ต้องขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นไม้ด้วย
                ส่วนแก้วเจ้าจอมที่อยู่ในรั้วรังสิตนั้นเป็นแก้วเจ้าจอมพันธุ์ 6 ใบ ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมมากในท้องตลาด เนื่องจาก ค่อนข้างโตเร็วที่สุดในบรรดาต้นแก้วเจ้าจอมด้วยกัน แต่ก็ยังจัดว่าช้ามาก หากไปเปรียบเทียบกับต้นพะยอม
                จุดเด่นที่สำคัญของต้นแก้วเจ้าจอม คงไม่ใช่ดอกที่สวยงาม แต่คงเป็นทรงพุ่มที่ดูมีเสน่ห์โดยไม่ต้องแต่งกิ่ง ไม่ว่าต้นแก้วเจ้าจอมสายพันธุ์ใดก็ยังคงลักษณะเด่นอันนี้ไว้  คือ ต้นจะเป็นพุ่มกลมอยู่เสมอ  ส่วนการขยายพันธุ์นั้น นิยมเพาะเมล็ดเพียงอย่างเดียว เพราะพันธุ์ไม้ต้นนี้หากต้องการที่พุ่มสวย แต่การขยายพันธุ์อื่นที่นิยมก็มี เช่น ทางการตอน การต่อกิ่ง ก็ติดได้ยากมาก เพาะเมล็ดจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี กว่าจะได้ชมดอกสีครามสวยๆ
                ประโยชน์อย่างหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้นั่นคือ เนื้อไม้เป็นไม้ที่หนักที่สุดในโลก  แก่นไม้มีลักษณะสีน้ำตาลอมเขียวถึงดำ  กระพี้ มีสีเหลืองอ่อน  เนื้อไม้แข็งมาก  เป็นมัน  คุณสมบัติของเนื้อไม้มีลักษณะเป็นเส้นประสานกันแน่น  และหนักมาก  ไม้ชนิดนี้จมน้ำ  ทนต่อแรงอัด  และน้ำเค็ม  จึงนิยมนำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล  หรือกรอบประกับเพลาเครื่องจักรในโรงงานต่างๆ  ทำสิ่ว  และนำมากลึงทำของใช้ต่างๆ  เช่น  ทำลูกโบว์ลิ่ง  ทำรอก  เป็นต้น
 


 
                นอกจากนั้นยังใช้เป็นยารักษาโรคได้โดยใช้เป็นยาสมุนไพรจากทุกส่วนของลำต้น  โดยเฉพาะยางจากเนื้อไม้ในธรรมชาติซึ่งยางไม้นี้มีสีน้ำตาลอมเขียว  ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดในปริมาณค่อนข้างสูง  ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาโรค  ได้แก่ แก่นไม้  ยางไม้ธรรมชาติ
                แก้วเจ้าจอมที่ขายในตลาดต้นไม้ทั่วไปมี 2 แบบด้วยกัน คือ แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูกในภาชนะปลูกขณะที่ต้นยังเล็กอยู่ และอีกแบบหนึ่งก็คือ เป็นแก้วเจ้าจอมที่ปลูกลงพื้นดินเมื่อได้ขนาดตามต้องการจะใช้วิธีการขุด ล้อมออกจากพื้นที่ (การบอน) ทั้งสองชนิด มีข้อดีแตกต่างกันออกไปคือ
 
                แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูก จะได้แก้วเจ้าจอมที่ค่อนข้างแข็งแรง ทรงพุ่มได้สัดส่วน ดูแลรักษาภายหลังปลูกง่าย การเจริญเติบโตภายหลังปลูกรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ขนาดของต้นจะค่อนข้างเล็ก เหมาะกับผู้ที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ชนิดนี้
 
 
                แบบปลูกลงพื้นดินและทำการบอนขึ้นมาปลูก วิธีนี้จะได้แก้วเจ้าจอมที่มีขนาดใหญ่ตามจำนวนเงินที่ท่านมี วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการต้นไม้ขนาดใหญ่ในทันที การดูแลรักษาแก้วเจ้าจอมภายหลังปลูกจะต้องดูแลรักษาอย่างดีในช่วง 1 ปีหลังการย้ายปลูก
 
                นายจุล ศักดิ์สุภาพ  เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นแก้วเจ้าจอม ได้พูดถึงต้นแก้วเจ้าจอมว่า เหตุที่ต้นแก้วเจ้าจอมไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปคงเป็นเพราะราคาของต้นแก้วเจ้าจอมเองที่ค่อนข้างสูง เช่น ขนาดกระถางดินเผา 1 ปิ๊บราคาตกอยู่ที่ 2000 บาท ส่วน 2 ปิ๊บ ราคาอยู่ที่ 3500 บาท ทั้งพันธุ์ 4 ใบ และ 6 ใบ แต่ที่นิยมปลูกกันมากคงเป็นพันธุ์ 6 ใบ เพราะโตเร็วกว่ามาก 3 ปี ก็จะสูงประมาณ 1.5-2 เมตร
 
                “ส่วนอื่นนั้นค่อนข้างไม่แตกต่างกัน จะมีอยู่ที่พันธุ์ 8 ใบ จะมีขนาดลำต้นที่เล็กกว่า พันธุ์อื่นหลายเท่าและโตช้ากว่ามากดอกเล็ก จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้ปลูกต้นไม้ และส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อ ซื้อไปเพราะทรงพุ่ม และชื่นชอบในชื่อมากกว่า ชมดอก เพราะหลายช่วงที่ขายได้ ก็ไม่มีดอก แต่คงเป็นเพราะแก้วเจ้าจอมเป้นต้นไม้ที่มีเสน่ห์ทางด้านลักษณะทรงพุ่ม” นายจุลกล่าว

ต้นลิ้นมังกร

ลิ้นมังกร

มีหลากลายสายพันธุ์ ส่วนที่เห็นก็เป็นอีกหนึ่ง แต่ควรระวังไว้นิดเพราะตรงปลายจะแหลม ควรให้เด็กอยู่ห่างๆ ปลูกไว้นอกบ้านเพื่อป้องกันอันตรายจากนอกบ้าน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ หอกพระอินทร์




ต้นรักแรกพบ

ต้นไม้ที่มีชื่อที่เหมาะสมที่สุด ต้นรักแรกพบ


วันนี้ dooflower ได้ไปเจอต้นไม้ที่มีดอกสวยมากๆ พอได้เห็นครั้งแรกก็ต้องบอกว่า ต้นไม้ต้นนี้ชั่งมีชื่อที่เหมาะสมกับต้นเป็นอย่างมาก นั้นคือ ต้นรักแรกพบ หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว ซึ่งดอกของเขาจะสวยงามมาก และยังมีหลายสีอีกด้วย เรามาทำความรู้จักกับ ต้นรักแรกพบ กันให้มากกว่านี้ดีกว่านะ


  • ต้นรักแรกพบ หรือ Golden Penda เป็นต้นไม้ป่าที่มีถิ่นกำเนิดในป่าตอนเหนือของ ประเทศออสเตรเลีย ต้นรักแรกพบนี้เป็นต้นไม้ที่อยู่ในสกุล Xanthostemon ซึ่งในสกุลนี้จะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 45 ชนิด แล้วส่วนใหญ่จะอยู่ในออสเตรเลีย แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถพบได้ที่ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์


ต้นไม้ชนิดนี้จะชอบพื้นที่ที่มีความร้อนสูงแต่ชื้น และดินดี เป็นต้นไม้พุ่มขนาดกลางมีความสูงประมาณ 7 – 10 เมตร แต่ถ้าในถิ่นที่อยู่บางต้นก็มีความสูงถึง 20 เมตรได้เช่นกัน ใบ จะมีลักษณะคล้ายหอกยาวประมาณ 14 – 15 เซนติเมตร มีสีเขียวเข้มเป็นมันเงา และแผ่นใบหนา


  • สำหรับ ดอก ของต้นรักแรกพบนั้น บางพันธุ์จะมีสีแดง บางพันธุ์ก็มีสีเหลือง และยังมีอีกพันธุ์ที่มีดอกสีส้มด้วย ดอกนั้นจะออกเป็นช่อและเป็นกระจุกแน่น ปลายกลีบเป็นเส้นฝอย มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ จะออกดอกในช่วงฤดูร้อน และยังสามารถขยายพันธุ์ได้โดยเมล็ด และการใช้กิ่งปักชำอีกด้วย



ถ้าบ้านคุณยังไม่มีต้นรักแรกพบ dooflower ก็แนะนำให้หามาปลูกเป็นไม้กระถางเพื่อประดับบ้านนะ เพราะความสวยของดอกมันเกินห้ามใจ ถ้าใครได้เห็นก็ต้องรักต้นไม้พันธุ์นี้อย่างแน่นอน

ดอกกุหลาบ







กุหลาบ ไอซ์ เบอร์กันดี

กุหลาบพันธุ์ชิคาโกพีช

กุหลาบแองเจลา Angela

กุหลาบ เบบี้ เลฟ Baby love 

กุหลาบ Ballerina Rose

กุหลาบ Pprtmeirion Rose

กุหลาบบลูไนส์

กุหลาบคาเมลอท

กุหลาบพันธุ์ เพลบอย

กุหลาบพันธุ์ แคมาแตง

ประดับเงินสะพัด

flowers-phuket01
ศูนย์ข่าวภูเก็ต – เกษตรจังหวัดภูเก็ตเผย งานไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดภูเก็ตสะพัด 20 ล้านบาท

นายสมชาย เฮงวัชรไพบูลย์ เกษตรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงรายได้จากการจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับในงานไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดภูเก็ตประจำปี 2551 ณ บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การจัดงานไม้ดอกไม้ประดับที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีรายได้สะพัดจากการจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ และการจำหน่ายสินค้าอื่นๆในงานดังกล่าวมากถึง 20 ล้านบาท
ลูกค้านั้นมีทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่จังกวัดภูเก็ต สินค้าที่ขายดีและได้รับการตอบรับจากลูกค้า คือ ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ
ส่วนเรื่องของการการผลิตและตลาดไม้ดอกไม้ประดับ ในจังหวัดภูเก็ตนั้น นายสมชาย กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ผลิตไม้ดอกไม้ประดับ จำนวนไม่มากนัก เนื่องจากมีที่ดินจำกัด รวมทั้ง 3 อำเภอ คืออำเภอเมือง ถลาง และกะทู้มีพื้นที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับรวมแค่ 255 ไร่ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอถลาง มีเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อจำหน่ายจำนวน 120 ราย และร้านจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับจำนวน 50 ร้าน มูลค่าการจำหน่ายปีละประมาณ 250 ล้านบาท
การผลิตไม้ดอกไม้ประดับในภูเก็ตมีทั้ง กล้วยไม้ ดาหลา มะลิ หน้าวัว ธรรมรักษา และอื่นๆอีกจำนวนมาก ซึ่งในส่วนต้นธรรมรักษานั้นกำลังได้รับความนิยมและตอบรับจากตลาดภายในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตลาดสำคัญได้แก่ โรงแรม ที่พัก สถานบริการต่างๆ โรงพยาบาล สนามกีฬา สถานที่ราชการ รวมทั้งบริษัทรับจัดงานที่นิยมนำไปประดับ ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นมีทั้ง ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฮอลแลนด์ จีน โดยไม้ดอกไม้ประดับที่ส่งออกไปต่างประเทศนั้นเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ไม่สามารถพบได้ในเมืองหนาว

ดอกกล้วยไม้








กล้วยไม้พันธุ์ ช้างแดง

กล้วยไม้ รองเท้านารีเมืองกาญจน์

กล้วยไม้ สิงโตถิ่นใต้

กล้วยไม้สกุลแคทลียา

แวนด้าพันธุ์ Vanda Merrillii

รองเท้านารีสุขะกุล

รองเท้านารี กลูโคฟิลลุม 

เอื้องไข่ปลา

กะเรกะร่อนอินทนนท์

รองเท้านารีเหลืองเลย

กล้วยไม้สิงโตข้าวฟ่าง

มะลิ


ต้นมะลิ


dooflower จะมาคุยกับเพื่อนๆ เรื่องต้นมะิลิ ถ้าพูดถึงดอกมะลิเพื่อนๆ ก็คงรู้จักกันดี ดอกมะลินิยมนำมาไหว้พระ และดอกมะลิยังเป็นตัวแทนของวันแม่อีกด้วย  อาจจะเป็นเพราะสีขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ หรือจะเป็นเพราะกลิ่นที่หอม ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ต้นมะลิเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป วันนี้ dooflower จึงนำเรื่องของต้นมะลิมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันนะ



ลักษณะต้นมะลิ

  • ต้นมะลิจะมีัลักษณะเป็นพุ่มๆ ใบจะเป็นสีเขียวเข้มแต่เป็นใบไม้ใบเดี่ยว ส่วนใหญ่แล้วจะสูงไม่เกิน 2 เมตร ต้นมะลิจะมีกิ่งแตกแขนงมากมาย ส่วนดอกของมะลิจะออกเป็นพุ่มหรือไม่ก็ออกเป็นดอกเดียว และดอกมะลิจะเป็นสีขาว และมีกลิ่นหอม


การดูแลต้นมะลิ

  • ต้นมะลินั้นดูแลไม่ยาก คนสมัยก่อนจึงนิยมปลูกต้นมะลิบ้านละต้นสองต้น ต้นมะลิเป็นต้นไม้ที่ชอบแดด ดังนั้นเพื่อนๆ ควรเลี้ยงต้นมะลิกลางแดด รดน้ำวันละครั้งก็พอ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็อาจจะรดน้ำให้น้อยหน่อย 



ถ้าเพื่อนๆ ต้องการปลูกต้นมะลิ ก็ควรศึกษาการดูแลต้นมะลิให้ดีก่อน เพราะนอกจากต้นไม้มะลิจะไม่ตายแล้ว ยังออกดอกให้ชื่นใจกันอีกด้วย dooflower ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบดอกมะลิมากๆ จนต้องหาซื้อมาปลูกกันเลยทีเดียว